สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง เริ่มต้นเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าให้จัดตั้งขึ้น
ในปี พ.ศ.2512 โดยใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ซื้อที่ดินจากชาวไทยภูเขาจัดสร้างเป็นสถานี เกษตรวิจัยพืชเมืองหนาว
เพื่อให้ชาวไทยภูเขาหันมาปลูกพืชผัก ผลไม้เมืองหนาวแทนการปลูกฝิ่น หลังจากนั้นพื้นที่ของสถานีเกษตรหลวงอ่างขางก็ค่อยๆ
พัฒนาและขยายพื้นที่ออกไป จากพื้นที่ว่างเปล่าไม่มีอะไรเลยก็กลายเป็นพื้นที่การเกษตรอันอุดมสมบูรณ์
รวมถึงเป็นพื้นที่ป่าอีกหลายส่วนในปัจจุบัน หลังจากได้รับรู้เรื่องราวความเป็นมาแบบคร่าวๆ ของสถานีเกษตรหลวงอ่างขางกันไปแล้ว
ทีนี้เราจะพาไปเที่ยวชมกันรอบๆ แบบไม่ต้องกลัวฟ้ากลัวฝน
เริ่มต้นกันที่ “โรงเรือนดอกไม้” ที่จัดแสดงไม้ดอกเมืองหนาวนานาชนิด พื้นที่ในโรงเรือนส่วนหนึ่งถูกจัดแบ่งไว้เป็นมุมนั่งเล่นพักผ่อน
ซึ่งเราจะได้นั่งจิบเครื่องดื่มพร้อมของว่างท่ามกลางสวนดอกไม้สวยๆ แต่อย่ามัวแต่เพลิดเพลินกันการถ่ายรูปในโรงเรือนจ
นลืมออกมาด้านนอกนะครับ เพราะใกล้ๆ กันยังมีแปลงดอกไม้กลางแจ้งที่เชื่อว่าหลายคนเห็นแล้วต้องตาโตไปกับ
ภาพดอกไม้สีสดปลูกเป็นแถวยาวตลอดแนว จนเราอดใจไม่ไหวต้องขอรัวชัตเตอร์เก็บภาพประทับใจไว้แบบไม่ยั้ง
ก่อนที่เจ้าหน้าที่โครงการหลวงจะพาเราไปชมส่วนอื่นๆ ต่อ ทั้งสวนบอนไซ เรือนกระบองเพชร สวนสมุนไพร
โรงเรือนกุหลาบตัดดอก โรงชิมชา ซึ่งแต่ละส่วนล้วนแต่มีความน่าสนใจ และมีพันธุ์พืชแปลกตามากมาย
หันไปทางไหนก็ต้องสะดุดตากับต้นนั้น ดอกนี้จนต้องเอ่ยปากถามกับเจ้าหน้าที่โครงการหลวงบ่อยๆ
เราใช้เวลาเดินชมไปถ่ายภาพไปนานหลายชั่วโมง จึงมาหยุดพักกันที่ “สโมสรอ่างขาง” ครัว ใหญ่ประจำสถานีฯ
ที่เราขอฝากท้องไว้แบบเต็มใจ ก็ใครจะไปปฏิเสธได้ล่ะครับ อาหารแต่ละจานที่ปรุงจากผลผลิตสดๆ
จากไร่ในโครงการหลวงนั้นอร่อยจนอดใจไม่อยู่ทุกที ทั้งสลัด ผัดผัก น้ำพริก ปลาเทร้าท์ ซุปร้อนๆ รวมถึงน้ำผลไม้ ของหวาน
ผลไม้แช่อิ่ม และอีกสารพัดเมนูชวนน้ำลายหกนั้นรออยู่เพียบ หลังจากเติมพลังเรียบร้อยแล้ว เราขอเดินย่อยกันเล็กน้อยใน “สวน ๘๐”
สวนสวยที่ฤดูฝนนี้มีไม้ดอกจำนวนไม่น้อยให้เราได้เห็น แต่ถ้าหากใครได้มาเที่ยวตอนหน้าหนาว ก็คงจะได้เห็นต้นไม้
ดอกไม้ละลานตากว่านี้ ที่สำคัญยังจะได้เห็นซากุระญี่ปุ่นบานสะพรั่งเต็มต้นด้วย ออกแรงเที่ยวกันมาพอสมควรแล้ว
ก่อนจะหมดวันเราไปสำรวจที่พักของเรากันก่อนดีกว่า
บ้านพักในสถานีเกษตรหลวงอ่างขางนั้น มีด้วยกัน 4 แบบ ซึ่งบ้านพักหลังใหญ่ชื่อ “บ้านคำดอย” มีขนาด 2 ห้องนอน
1 ห้องนั่งเล่น พร้อมระเบียงกว้างและเตาผิงช่วยเพิ่มไออุ่นตอนหน้าหนาว ส่วน “บ้านซากุระ” เป็นบ้านแฝดที่แบ่งให้เข้าพักเป็นห้องๆ
หรือถ้าชอบแบบขนาดกระทัดรัดหน่อยก็ต้อง “บ้าน AK” ที่ตั้งแยกกันเป็นหลังๆ เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ที่เข้าพัก
แต่ถ้ามากันหลายคนหน่อย “บ้านริมดอย” ก็น่าจะเหมาะดี เพราะเข้าพักได้มากถึง 5 คนเลยทีเดียว
บ้านพักทุกหลังมีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมตามขนาดของตัวบ้าน และด้วยความที่อากาศบนดอยอ่างขางนั้นหนาวเย็นตลอดทั้งปี
ห้องพักทุกห้องจึงไม่มีความจำเป็นจะต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศเลย ยิ่งถ้ามาพักตอนหน้าหนาวด้วยล่ะก็
แค่เปิดหน้าต่างออกเล็กน้อยก็หนาวจนต้องกอดผ้าห่มไว้แน่นแล้ว
วันรุ่งขึ้นเรายังเหลือสถานที่ให้ไปเที่ยวชมอีกมากมาย เริ่มจากเดินเล่นเบาๆ ใน “สวนกุหลาบอังกฤษ”
บริเวณด้านข้างสโมสรอ่างขางก่อน จากนั้นก็มาถึงไฮไลท์สำคัญของทัวร์ในครั้งนี้ เรามุ่งตรงไปที่สวนพลับที่อยู่เลยไปทางด้านใน
เมื่อเจ้าหน้าที่โครงการหลวงได้บรรยายถึงสายพันธุ์ต่างๆ และให้เราได้ลองชิมรสชาติของลูกพลับที่ปลูกอยู่ในสถานีแล้ว
เราก็ได้ลงมือเก็บลูกพลับจากต้นกันแบบพอหอมปากหอมคอ เนื่องจากสายฝนเริ่มโปรยปรายลงมาอีกครั้ง ไม่ห่างจากสวนพลับนัก
เราได้แวะไปชมและถ่ายรูปในสวนบ๊วย สวนท้อด้วย ถึงแม้ว่าต้นบ๊วยและต้นท้อในช่วงหน้าฝนจะผลิใบเขียวเต็มต้น
ต่างจากในช่วงฤดูหนาวที่ทั้งต้นจะเต็มไปด้วยดอกกลีบบางจนไม่เหลือใบแม้แต่ใบเดียว
แต่บรรยากาศในสวนบ๊วยก็สวยงามไปอีกแบบ
Note- ฤดูการท่องเที่ยวในสถานีเกษตรหลวงอ่างขางนั้น เราจะได้เห็นผลผลิตในโครงการต่างกันออกไป เช่น
ช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม ผลผลิตเด่น คือ พีช อาติโช๊ค ชา กุหลาบอังกฤษ ฯลฯ
ช่วงเดือนมิถุนายน – กันยายน ผลผลิตเด่น คือ พลับ รูบาร์บ บลูเบอรี่ ดอกดาเลีย ฯลฯ
ช่วงเดือนตุลาคม – กุมภาพันธ์ ผลผลิตเด่น คือ สตรอเบอรี่ กีวีฟรุ๊ท กะหล่ำดาว ฯลฯ
- สวนดอกไม้ภายในสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง จะมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันตามฤดูกาล
ซึ่งจะถูกนำมาจัดไว้ให้ชมกันอย่างใกล้ชิด
- ถ้าอยากจะมาชมดอกซากุระญี่ปุ่นบานสะพรั่งเต็มต้น แนะนำให้มาในช่วงฤดูหนาว ตั้งแต่กลางเดือนธันวาคมเป็นต้นไป
- ต้นบ๊วย และต้นท้อ ในแปลงจะเริ่มทิ้งใบในช่วงฤดูหนาว และดอกจะบานสะพรั่งในช่วงกลางฤดูหนาวไปจนถึงปลายหนา
ซึ่งดอกของต้นบ๊วยจะเป็นสีขาว และดอกของต้นท้อจะเป็นสีชมพูอ่อนๆ ต่างจากดอกซากุระ และนางพญาเสือโครงที่เป็นสีชมพูเข้ม
ไฮไลท์ :
ในช่วงฤดูหนาว ดอกไม้ในสถานีเกษตรหลวงอ่างขางจะสวยงามมาก และไฮไลท์สำคัญที่สวน ๘๐
จะมีซากุระญี่ปุ่นให้ชมด้วย นอกจากนี้แปลงไม้ดอก ไม้ประดับ และพืชผักเมืองหนาวต่างๆ ก็จัดตกแต่งไว้อย่างสวยงามมากขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก :
http://www.thetrippacker.com/th/
[img]http://salm.blob.core.windows.net/review-source/thetrippacker_chiangmai_ang_khang_station_phanthit_002.jpg[/img]
[b][color=#FF0040]สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง[/color][/b] เริ่มต้นเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าให้จัดตั้งขึ้น
ในปี พ.ศ.2512 โดยใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ซื้อที่ดินจากชาวไทยภูเขาจัดสร้างเป็นสถานี เกษตรวิจัยพืชเมืองหนาว
เพื่อให้ชาวไทยภูเขาหันมาปลูกพืชผัก ผลไม้เมืองหนาวแทนการปลูกฝิ่น หลังจากนั้นพื้นที่ของสถานีเกษตรหลวงอ่างขางก็ค่อยๆ
พัฒนาและขยายพื้นที่ออกไป จากพื้นที่ว่างเปล่าไม่มีอะไรเลยก็กลายเป็นพื้นที่การเกษตรอันอุดมสมบูรณ์
รวมถึงเป็นพื้นที่ป่าอีกหลายส่วนในปัจจุบัน หลังจากได้รับรู้เรื่องราวความเป็นมาแบบคร่าวๆ ของสถานีเกษตรหลวงอ่างขางกันไปแล้ว
ทีนี้เราจะพาไปเที่ยวชมกันรอบๆ แบบไม่ต้องกลัวฟ้ากลัวฝน
[img]http://salm.blob.core.windows.net/review-source/thetrippacker_chiangmai_ang_khang_station_phanthit_006.jpg[/img]
เริ่มต้นกันที่ “โรงเรือนดอกไม้” ที่จัดแสดงไม้ดอกเมืองหนาวนานาชนิด พื้นที่ในโรงเรือนส่วนหนึ่งถูกจัดแบ่งไว้เป็นมุมนั่งเล่นพักผ่อน
ซึ่งเราจะได้นั่งจิบเครื่องดื่มพร้อมของว่างท่ามกลางสวนดอกไม้สวยๆ แต่อย่ามัวแต่เพลิดเพลินกันการถ่ายรูปในโรงเรือนจ
นลืมออกมาด้านนอกนะครับ เพราะใกล้ๆ กันยังมีแปลงดอกไม้กลางแจ้งที่เชื่อว่าหลายคนเห็นแล้วต้องตาโตไปกับ
ภาพดอกไม้สีสดปลูกเป็นแถวยาวตลอดแนว จนเราอดใจไม่ไหวต้องขอรัวชัตเตอร์เก็บภาพประทับใจไว้แบบไม่ยั้ง
[img]http://salm.blob.core.windows.net/review-source/thetrippacker_chiangmai_ang_khang_station_phanthit_009.jpg[/img]
[img]http://salm.blob.core.windows.net/review-source/thetrippacker_chiangmai_ang_khang_station_phanthit_010.jpg[/img]
ก่อนที่เจ้าหน้าที่โครงการหลวงจะพาเราไปชมส่วนอื่นๆ ต่อ ทั้งสวนบอนไซ เรือนกระบองเพชร สวนสมุนไพร
โรงเรือนกุหลาบตัดดอก โรงชิมชา ซึ่งแต่ละส่วนล้วนแต่มีความน่าสนใจ และมีพันธุ์พืชแปลกตามากมาย
หันไปทางไหนก็ต้องสะดุดตากับต้นนั้น ดอกนี้จนต้องเอ่ยปากถามกับเจ้าหน้าที่โครงการหลวงบ่อยๆ
[img]http://salm.blob.core.windows.net/review-source/thetrippacker_chiangmai_ang_khang_station_phanthit_013.jpg[/img]
เราใช้เวลาเดินชมไปถ่ายภาพไปนานหลายชั่วโมง จึงมาหยุดพักกันที่ “สโมสรอ่างขาง” ครัว ใหญ่ประจำสถานีฯ
ที่เราขอฝากท้องไว้แบบเต็มใจ ก็ใครจะไปปฏิเสธได้ล่ะครับ อาหารแต่ละจานที่ปรุงจากผลผลิตสดๆ
จากไร่ในโครงการหลวงนั้นอร่อยจนอดใจไม่อยู่ทุกที ทั้งสลัด ผัดผัก น้ำพริก ปลาเทร้าท์ ซุปร้อนๆ รวมถึงน้ำผลไม้ ของหวาน
ผลไม้แช่อิ่ม และอีกสารพัดเมนูชวนน้ำลายหกนั้นรออยู่เพียบ หลังจากเติมพลังเรียบร้อยแล้ว เราขอเดินย่อยกันเล็กน้อยใน “สวน ๘๐”
[img]http://salm.blob.core.windows.net/review-source/thetrippacker_chiangmai_ang_khang_station_phanthit_021.jpg[/img]
สวนสวยที่ฤดูฝนนี้มีไม้ดอกจำนวนไม่น้อยให้เราได้เห็น แต่ถ้าหากใครได้มาเที่ยวตอนหน้าหนาว ก็คงจะได้เห็นต้นไม้
ดอกไม้ละลานตากว่านี้ ที่สำคัญยังจะได้เห็นซากุระญี่ปุ่นบานสะพรั่งเต็มต้นด้วย ออกแรงเที่ยวกันมาพอสมควรแล้ว
ก่อนจะหมดวันเราไปสำรวจที่พักของเรากันก่อนดีกว่า
[img]http://salm.blob.core.windows.net/review-source/thetrippacker_chiangmai_ang_khang_station_phanthit_033.jpg[/img]
บ้านพักในสถานีเกษตรหลวงอ่างขางนั้น มีด้วยกัน 4 แบบ ซึ่งบ้านพักหลังใหญ่ชื่อ “บ้านคำดอย” มีขนาด 2 ห้องนอน
1 ห้องนั่งเล่น พร้อมระเบียงกว้างและเตาผิงช่วยเพิ่มไออุ่นตอนหน้าหนาว ส่วน “บ้านซากุระ” เป็นบ้านแฝดที่แบ่งให้เข้าพักเป็นห้องๆ
หรือถ้าชอบแบบขนาดกระทัดรัดหน่อยก็ต้อง “บ้าน AK” ที่ตั้งแยกกันเป็นหลังๆ เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ที่เข้าพัก
แต่ถ้ามากันหลายคนหน่อย “บ้านริมดอย” ก็น่าจะเหมาะดี เพราะเข้าพักได้มากถึง 5 คนเลยทีเดียว
บ้านพักทุกหลังมีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมตามขนาดของตัวบ้าน และด้วยความที่อากาศบนดอยอ่างขางนั้นหนาวเย็นตลอดทั้งปี
ห้องพักทุกห้องจึงไม่มีความจำเป็นจะต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศเลย ยิ่งถ้ามาพักตอนหน้าหนาวด้วยล่ะก็
แค่เปิดหน้าต่างออกเล็กน้อยก็หนาวจนต้องกอดผ้าห่มไว้แน่นแล้ว
[img]http://salm.blob.core.windows.net/review-source/thetrippacker_chiangmai_ang_khang_station_phanthit_030.jpg[/img]
[img]http://salm.blob.core.windows.net/review-source/thetrippacker_chiangmai_ang_khang_station_phanthit_058.jpg[/img]
วันรุ่งขึ้นเรายังเหลือสถานที่ให้ไปเที่ยวชมอีกมากมาย เริ่มจากเดินเล่นเบาๆ ใน “สวนกุหลาบอังกฤษ”
บริเวณด้านข้างสโมสรอ่างขางก่อน จากนั้นก็มาถึงไฮไลท์สำคัญของทัวร์ในครั้งนี้ เรามุ่งตรงไปที่สวนพลับที่อยู่เลยไปทางด้านใน
เมื่อเจ้าหน้าที่โครงการหลวงได้บรรยายถึงสายพันธุ์ต่างๆ และให้เราได้ลองชิมรสชาติของลูกพลับที่ปลูกอยู่ในสถานีแล้ว
เราก็ได้ลงมือเก็บลูกพลับจากต้นกันแบบพอหอมปากหอมคอ เนื่องจากสายฝนเริ่มโปรยปรายลงมาอีกครั้ง ไม่ห่างจากสวนพลับนัก
เราได้แวะไปชมและถ่ายรูปในสวนบ๊วย สวนท้อด้วย ถึงแม้ว่าต้นบ๊วยและต้นท้อในช่วงหน้าฝนจะผลิใบเขียวเต็มต้น
ต่างจากในช่วงฤดูหนาวที่ทั้งต้นจะเต็มไปด้วยดอกกลีบบางจนไม่เหลือใบแม้แต่ใบเดียว
แต่บรรยากาศในสวนบ๊วยก็สวยงามไปอีกแบบ
[img]http://salm.blob.core.windows.net/review-source/thetrippacker_chiangmai_ang_khang_station_phanthit_027.jpg[/img]
[b][color=#FF0040]Note[/color][/b]
- ฤดูการท่องเที่ยวในสถานีเกษตรหลวงอ่างขางนั้น เราจะได้เห็นผลผลิตในโครงการต่างกันออกไป เช่น
ช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม ผลผลิตเด่น คือ พีช อาติโช๊ค ชา กุหลาบอังกฤษ ฯลฯ
ช่วงเดือนมิถุนายน – กันยายน ผลผลิตเด่น คือ พลับ รูบาร์บ บลูเบอรี่ ดอกดาเลีย ฯลฯ
ช่วงเดือนตุลาคม – กุมภาพันธ์ ผลผลิตเด่น คือ สตรอเบอรี่ กีวีฟรุ๊ท กะหล่ำดาว ฯลฯ
- สวนดอกไม้ภายในสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง จะมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันตามฤดูกาล
ซึ่งจะถูกนำมาจัดไว้ให้ชมกันอย่างใกล้ชิด
- ถ้าอยากจะมาชมดอกซากุระญี่ปุ่นบานสะพรั่งเต็มต้น แนะนำให้มาในช่วงฤดูหนาว ตั้งแต่กลางเดือนธันวาคมเป็นต้นไป
- ต้นบ๊วย และต้นท้อ ในแปลงจะเริ่มทิ้งใบในช่วงฤดูหนาว และดอกจะบานสะพรั่งในช่วงกลางฤดูหนาวไปจนถึงปลายหนา
ซึ่งดอกของต้นบ๊วยจะเป็นสีขาว และดอกของต้นท้อจะเป็นสีชมพูอ่อนๆ ต่างจากดอกซากุระ และนางพญาเสือโครงที่เป็นสีชมพูเข้ม
[img]http://salm.blob.core.windows.net/review-source/5a0d011b-6257-04cf-3b6f-52b04267d420.jpg[/img]
[b][color=#FF0040]ไฮไลท์ : [/color]
[color=#008040]ในช่วงฤดูหนาว ดอกไม้ในสถานีเกษตรหลวงอ่างขางจะสวยงามมาก และไฮไลท์สำคัญที่สวน ๘๐
จะมีซากุระญี่ปุ่นให้ชมด้วย นอกจากนี้แปลงไม้ดอก ไม้ประดับ และพืชผักเมืองหนาวต่างๆ ก็จัดตกแต่งไว้อย่างสวยงามมาก[/color][/b]
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : http://www.thetrippacker.com/th/